การเลือกระดับความสุกของเนื้อที่เหมาะสม เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่จะทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับรสชาติอันเลิศรสของสเต็กเนื้อได้อย่างเต็มที่ ด้วยประสบการณ์กว่า 27 ปีของเชฟอ๊อฟ ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย ได้ค้นคว้าและพัฒนาเทคนิคการย่างเนื้อที่สามารถควบคุมความสุกเนื้อให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าทุกท่าน แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจถึงความแตกต่างของระดับความสุกเนื้อแต่ละระดับ และไม่แน่ใจว่าแบบไหนเหมาะกับตัวเอง วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับระดับความสุกของสเต็กทั้งหมด เพื่อให้คุณได้เลือกสิ่งที่ใช่ในครั้งต่อไปที่คุณมาเยือน Beastie

ความสำคัญของระดับความสุกของเนื้อ
ระดับความสุกของเนื้อไม่ได้เป็นเพียงความชอบส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อรสชาติ เนื้อสัมผัส และประสบการณ์การรับประทานอาหารโดยรวม เชฟอ๊อฟให้ความสำคัญกับการควบคุมความสุกของเนื้ออย่างมาก เพราะนี่คือหัวใจของการสร้าง “THE WHOLE BEEF EXPERIENCE” ที่ทุกจานที่เสิร์ฟจะต้องสมบูรณ์แบบ
ทำไมระดับความสุกถึงมีผลต่อรสชาติและสัมผัส?
เมื่อเนื้อได้รับความร้อน โปรตีนในเนื้อจะเริ่มเปลี่ยนสภาพ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสี รสชาติ และเนื้อสัมผัส โดยยิ่งเนื้อได้รับความร้อนมากเท่าไร น้ำในเนื้อก็จะระเหยออกมากเท่านั้น ส่งผลให้เนื้อแห้งและมีความเหนียวมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เนื้อที่ได้รับความร้อนน้อยกว่าจะยังคงความชุ่มฉ่ำและรสชาติตามธรรมชาติไว้ได้มากกว่า การเลือกระดับความสุกของสเต็กที่เหมาะสมจึงสำคัญอย่างยิ่งต่อการได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของเนื้อคุณภาพดี
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสุกของเนื้อที่คนมักเข้าใจผิด
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าเนื้อที่มีสีแดงหรือชมพูคือเนื้อที่ยังไม่สุกและไม่ปลอดภัยสำหรับการรับประทาน แต่ความจริงแล้ว สีแดงที่เห็นในเนื้อไม่ใช่เลือดสด แต่เป็นน้ำโปรตีนที่เรียกว่า myoglobin ซึ่งปลอดภัยสำหรับการบริโภค นอกจากนี้ เนื้อที่ผ่านการย่างอย่างถูกวิธีแม้จะมีสีชมพูหรือแดงตรงกลาง ก็ยังถือว่าปลอดภัยสำหรับการรับประทาน อีกความเข้าใจผิดคือการคิดว่าเนื้อต้องสุกจนไม่มีสีชมพูเลยถึงจะอร่อย ซึ่งในความเป็นจริง ความสุกเนื้อระดับกลางอย่าง Medium Rare มักเป็นที่นิยมในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อ เพราะยังคงรักษารสชาติและความนุ่มฉ่ำของเนื้อไว้ได้ดี

ทำความรู้จักระดับความสุกของเนื้อทั้ง 7 ระดับ
ที่ Beastie เราใส่ใจในทุกรายละเอียดของระดับความสุกของเนื้อ เพื่อให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์การรับประทานสเต็กที่สมบูรณ์แบบ มาทำความรู้จักกับระดับความสุกทั้ง 7 ระดับที่คุณสามารถเลือกได้ตามความชอบ
Blue Rare (เนื้อดิบมาก)
Blue Rare คือระดับความสุกของเนื้อที่น้อยที่สุด โดยเนื้อจะถูกย่างอย่างรวดเร็วที่อุณหภูมิสูงเพื่อให้ผิวด้านนอกเกรียมเล็กน้อย ขณะที่ด้านในยังคงดิบเกือบทั้งหมด เนื้อจะมีสีแดงเข้มเกือบม่วง มีอุณหภูมิใจกลางประมาณ 35-40°C เนื้อระดับนี้จะมีรสชาติเข้มข้น และความนุ่มสูงมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรสชาติดั้งเดิมของเนื้อวัวคุณภาพดี และผู้ที่คุ้นเคยกับการรับประทานเนื้อดิบมาก่อน
Rare (สุกน้อย)
Rare คือระดับความสุกเนื้อที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อ โดยเนื้อจะมีสีแดงสดตรงกลาง และมีสีน้ำตาลบางๆ ที่ขอบด้านนอก มีอุณหภูมิใจกลางประมาณ 45-50°C เนื้อระดับนี้จะยังคงรสชาติตามธรรมชาติของเนื้อไว้ได้ดี มีความนุ่มและฉ่ำน้ำสูง เหมาะสำหรับคัทเนื้อคุณภาพดีที่มีไขมันแทรกสูง เช่น Ribeye หรือ Striploin ซึ่งจะช่วยให้ได้สัมผัสถึงรสชาติของไขมันที่ละลายได้อย่างเต็มที่
Medium Rare (กึ่งดิบกึ่งสุก)
Medium Rare เป็นความสุกของเนื้อที่ได้รับความนิยมสูงสุด และเป็นระดับที่เชฟมืออาชีพแนะนำสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทานสเต็ก เนื้อจะมีสีชมพูอมแดงตรงกลาง และสีน้ำตาลที่ขอบหนาขึ้น มีอุณหภูมิใจกลางประมาณ 55°C เนื้อระดับนี้ยังคงความนุ่มและชุ่มฉ่ำ แต่สุกมากพอที่จะทำให้ไขมันละลายและกระจายรสชาติได้ดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่สมดุลระหว่างความสุกและความฉ่ำของเนื้อ
Medium (กลาง)
Medium เป็นระดับความสุกของสเต็กที่สมดุลระหว่างความชุ่มฉ่ำและความสุก โดยเนื้อจะมีสีชมพูอ่อนตรงกลาง และด้านนอกเป็นสีน้ำตาล มีอุณหภูมิใจกลางประมาณ 60°C เนื้อจะยังคงความนุ่มพอประมาณ แต่เริ่มสูญเสียความชุ่มฉ่ำไปบ้าง ระดับนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเห็นเนื้อมีสีแดงมากเกินไป แต่ยังต้องการรักษารสชาติและความนุ่มของเนื้อไว้
Medium Well (สุกเกือบเต็มที่)
Medium Well เป็นความสุกเนื้อที่สุกเกือบเต็มที่ เหลือเพียงสีชมพูอ่อนๆ ตรงกลางเล็กน้อย มีอุณหภูมิใจกลางประมาณ 65-70°C เนื้อจะเริ่มแห้งและแน่นขึ้น รสชาติของเนื้อจะเข้มข้นขึ้นแต่สูญเสียความนุ่มและความชุ่มฉ่ำไปมาก ระดับนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเห็นสีชมพูในเนื้อ แต่ยังต้องการให้เนื้อมีความชุ่มฉ่ำบ้าง
Well Done (สุกเต็มที่)
Well Done เป็นระดับความสุกของเนื้อที่สุกสมบูรณ์ เนื้อจะไม่มีสีชมพูเลย มีสีน้ำตาลทั่วทั้งชิ้น มีอุณหภูมิใจกลางประมาณ 75°C ขึ้นไป เนื้อจะค่อนข้างแห้งและแน่น สูญเสียความชุ่มฉ่ำไปมาก แต่ก็ยังมีผู้นิยมรับประทานเนื้อในระดับนี้ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการรับประทานเนื้อที่มีสีชมพู
Thai Style Well Done (แบบไทยดั้งเดิม)
Thai Style Well Done เป็นระดับความสุกของสเต็กแบบไทยดั้งเดิม แต่ยังคงความนุ่มและรสชาติที่ดี โดยใช้เทคนิคพิเศษในการย่างและการพักเนื้อเพื่อรักษาความชุ่มฉ่ำไว้ แม้จะสุกเต็มที่แล้ว เป็นการผสมผสานระหว่างรสชาติแบบไทยกับเทคนิคการย่างแบบตะวันตก
เทคนิคการย่างให้ได้ระดับความสุกที่ต้องการ
การควบคุมระดับความสุกของเนื้อให้ได้ตามต้องการไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยประสบการณ์กว่า 27 ปีของเชฟอ๊อฟ ได้พัฒนาเทคนิคต่างๆ ที่ช่วยให้สามารถควบคุมความสุกเนื้อได้อย่างแม่นยำ
วิธีดูจากเวลา
การควบคุมเวลาในการย่างเป็นวิธีพื้นฐานที่สุดในการควบคุมความสุกของเนื้อ โดยเวลาที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความหนาของเนื้อและอุณหภูมิของเตาย่าง เพื่อให้ได้ระดับความสุกของสเต็กที่สมบูรณ์แบบทุกครั้ง
วิธีดูจากสัมผัส (Touch Test)
เชฟมืออาชีพสามารถตรวจสอบความสุกเนื้อได้จากการสัมผัส โดยใช้นิ้วกดลงบนเนื้อเบาๆ แล้วเปรียบเทียบความยืดหยุ่นกับส่วนต่างๆ ของมือ เช่น เนื้อระดับ Rare จะมีความนุ่มเหมือนกับฐานนิ้วหัวแม่มือเมื่อกำมือหลวมๆ ในขณะที่ Well Done จะแน่นเหมือนกับฐานนิ้วก้อยเมื่อกำมือแน่น เทคนิคนี้ต้องอาศัยประสบการณ์สูง แต่เป็นวิธีที่รวดเร็วและแม่นยำสำหรับเชฟมืออาชีพ
ใช้เทอร์โมมิเตอร์ช่วย
วิธีที่แม่นยำที่สุดในการตรวจสอบระดับความสุกของเนื้อคือการใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิใจกลางเนื้อ เพื่อควบคุมความสุกของเนื้อให้ได้ตามที่ลูกค้าต้องการ โดยวัดอุณหภูมิตรงตำแหน่งที่หนาที่สุดของเนื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกส่วนของเนื้อได้รับความร้อนอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
สรุปบทความ
ระดับความสุกของเนื้อเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อรสชาติและประสบการณ์การรับประทานสเต็กของคุณ ที่ Beastie เชฟอ๊อฟ ณัฐวุฒิ ธรรมพันธุ์ เชฟกระทะเหล็กของไทย ได้นำเสนอประสบการณ์เนื้อวัวแบบใหม่ผ่านเทคนิคการย่างที่เป็นเอกลักษณ์ และการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับ “THE WHOLE BEEF EXPERIENCE” ไม่ว่าคุณจะชอบความสุกเนื้อระดับไหน ที่นี่ก็พร้อมตอบสนองความต้องการของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ
สำหรับใครที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์สเต๊กระดับพรีเมียมกับระดับความสุกของสเต็กที่สมบูรณ์แบบ สามารถเข้ามาลิ้มลองได้ที่ Beastie Premium Steakhouse ย่านทองหล่อ-เพชรบุรี ในบรรยากาศอันโรแมนติกพร้อม Open Kitchen ที่คุณสามารถชมการปรุงอาหารแบบใกล้ชิด พิเศษยิ่งกว่าสำหรับแฟนคลับของเชฟอ๊อฟที่จะได้พบกับเชฟในบางวัน
สำรองที่นั่งได้ที่ 089-716-2626